“หยุดยิงทันที และไม่มีเงื่อนไข” ไทย-กัมพูชาบรรลุข้อตกลง มีผลเที่ยงคืนวันนี้ หลังปะทะชายแดนเข้าสู่วันที่ 5

“หยุดยิงทันที และไม่มีเงื่อนไข” ไทย-กัมพูชาบรรลุข้อตกลง มีผลเที่ยงคืนวันนี้ หลังปะทะชายแดนเข้าสู่วันที่ 5

ผู้นำรัฐบาลไทยและกัมพูชาหลังเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรกบนโต๊ะเจรจาที่มาเลเซีย ก่อนบรรลุข้อตกลง “หยุดยิง และไม่มีเงื่อนไข” ตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ (28 ก.ค.) หลังจากทหารของ 2 ประเทศเปิดฉากสู้รบกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาต่อเนื่องเป็นวันที่ห้า

การประชุมนัดพิเศษเกิดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (28 ก.ค.) โดยมีนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเชีย ในฐานะประธานอาเชียน เป็นผู้ประสานงานและอำนวยความสะดวก

ฝ่ายไทย มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นผู้นำคณะ

ฝ่ายกัมพูชา มีนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นำทีม

ล่าสุด 2 ฝ่ายบรรลุความตกลง 3 ข้อ โดยนายอันวาร์และผู้นำ 2 ประเทศร่วมกันเปิดแถลงข่าวเมื่อเวลา 17.00 น. สรุปใจความสำคัญได้ว่า

1. หยุดยิงทันที และไม่มีเงื่อนไข โดยให้มีผลภายใน 24.00 น. (เวลาท้องถิ่น) หรือเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. โดยถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่จะนำไปสู่การลดทอนความรุนแรงและฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคง

2. จัดให้มีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของผู้บังคับบัญชาทางทหารในพื้นที่ ระหว่างกองทัพภาคที่ 1 และ 2 ของไทย และกองทัพภาคที่ 4 และ 5 ของกัมพูชา ในวันที่ 29 ก.ค. เวลา 07.00 น. จากนั้นจะมีการประชุมผู้ช่วยทูตฝ่ายทหาร โดยมีอาเซียนเป็นผู้จัด หากได้รับความเห็นพ้องของทั้ง 2 ประเทศ

3. จัดให้มีการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทยกัมพูชา หรือจีบีซี (General Border Committee – GBC) ในวันที่ 4 ส.ค. โดยมีกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ

การพบกันอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นหลังทหารไทยและกัมพูชาเปิดฉากสู้รบกันเมื่อ 24 ก.ค. และทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 ราย และมีประชาชนต้องอพยพออกจากบ้านเรือนตัวเองรวมกันกว่า 1.95 แสนราย ตามข้อมูลทางการของ 2 ประเทศ

นายกรัฐมนตรีอันวาร์ของมาเลเซียกล่าวว่า การประชุมนัดพิเศษเพื่อส่งเสริมสันติภาพในวันนี้ มีสหรัฐฯ ร่วมจัด และจีนเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน และย้ำว่าในฐานะประธานหมุนเวียนของอาเซียน มาเลเซียพร้อมประสานจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์เพื่อตรวจสอบและทำให้เกิดความมั่นใจว่าข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลในทางปฏิบัติ

ด้านนายฮุน มาเนต กล่าวว่า การประชุมร่วมกับรักษาการนายกฯ ไทย “เป็นการประชุมที่ดียิ่ง” และหวังว่าแนวทางที่นายกฯ อันวาร์ประกาศออกไปจะเป็นตัวกำหนดเงื่อนไขสำหรับการเดินสู่การหารือทวิภาคี เพื่อทำให้ความสัมพันธ์กลับมาสู่ปกติ และเป็นพื้นฐานของการลดความตึงเครียดในอนาคต

นายกฯ กัมพูชาแสดงความชื่นชมและเชื่อมั่นว่า ผลลัพธ์ในวันนี้จะเป็นโอกาสให้ทุกฝ่ายกลับคืนสู่ภาวะปกติ สร้างความไว้วางใจและความเชื่อมั่นขึ้นมาใหม่

นายภูมิธรรมยืนยันความปรารถนาของไทยที่ต้องการหาทางออกโดยสันติ ขณะเดียวกันก็ยังคงปกป้องอธิปไตย โดยทั้ง 2 ฝ่ายตกลงที่จะหยุดยิง โดยมีมาตรการสร้างความเชื่อมั่นว่าข้อตกลงนี้จะดำเนินการอย่างลุล่วงโดยความสุจริตใจของทั้ง 2 ฝ่าย

ก่อนเดินทางไปมาเลเซีย นายภูมิธรรมให้สัมภาษณ์ว่า “สิ่งแรกที่จะพูดคุยกันคือต้องหยุดยิงทันที” และ “หัวใจสำคัญคือยึดอธิปไตยของประเทศเป็นสำคัญ”

รักษาราชการแทนนายกฯ ย้ำว่า ไม่เชื่อมั่นในความจริงใจของกัมพูชา ซึ่งจุดยืนของทั่วโลกคืออยากให้การสู้รบที่ไปกระทบต่อพลเรือนยุติก่อน เพราะฉะนั้นเราก็ยึดตามหลักนี้ และเชื่อว่าโลกเข้าใจและยืนอยู่ข้างเรา เพราะเรายืนอยู่ข้างพวกเขา

นายภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า ที่นานาประเทศที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็น จีน สหรัฐฯ และมาเลเซีย ทุกคนพูดประเด็นเดียวกันว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไม่อยากเห็นการกระทำที่รุนแรงที่เกินไปกว่านี้ เพราะฉะนั้นการเจรจาวันนี้อยู่บนฐานที่จะทำให้พลเรือนทุกฝ่ายเกิดความปลอดภัย และไม่ให้ลุกลามเข้ามายังดินแดนของแต่ละฝ่าย

เขาบอกว่า การไปครั้งนี้ได้ปรึกษาหารือกับทางกองทัพแล้วได้รับข้อเสนอจากทางกองทัพ การเจรจาครั้งนี้ไม่ใช่รัฐบาลอย่างเดียว แต่ยังมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมด้วย ทั้งกองทัพบก เรือ อากาศ

ก่อนหน้านี้เมื่อ 26 ก.ค. ประธานาธิบดีทรัมป์ระบุผ่านบัญชีทรูธโซเชียลของเขาว่า “ผมเพิ่งคุยกับผู้นำไทยและกัมพูชาขอให้หยุดนิง หากไม่หยุดยิง ผมจะไม่ทำข้อตกลงทางการใด ๆ กับทั้งไทยและกัมพูชา”

สหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีขาเข้าสินค้าของไทยและกัมพูชาในอัตรา 36% เท่ากัน โดยจะเริ่มมีผล 1 ส.ค. นี้

ด้านนายมาร์โค รูบิโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ อยู่ที่มาเลเซียแล้ว เพื่อช่วยเหลือความพยายามในการสร้างสันติภาพของ 2 ประเทศ

“เราต้องการให้ความขัดแย้งนี้ยุติลงโดยเร็วที่สุด” รูบิโอกล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ช่วงค่ำวันอาทิตย์ตามเวลาสหรัฐฯ หรือตรงกับเช้าวันจันทร์ตามเวลาไทย

นักวิชาการชี้สัญญาณดี แต่ต้องมีกลไกตรวจสอบ

ดร.เราะห์มาน ยาค็อบ นักวิจัยประจำโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถาบันโลวี (Lowy Institute) ประเทศออสเตรเลีย กล่าวกับบีบีซีไทยว่า ข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้นับเป็น “สัญญาณที่ดี”

อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่า ปัญหาคือการหยุดยิงมักถูกละเมิดได้ง่าย เช่น ผู้บังคับบัญชาระดับภาคพื้นดินอาจทำผิดพลาดหรือสั่งโจมตีโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้น แม้ว่าจะมีการตกลงหยุดยิงแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่จำเป็นคือการจัดตั้งกลไกตรวจสอบ เพื่อติดตามให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด

“เนื่องจากไทยกับกัมพูชายังไม่ไว้ใจกันในเชิงยุทธศาสตร์ การส่งกำลังของบุคคลที่สามเข้ามาประจำการตามแนวชายแดนจะช่วยได้มาก”

เมื่อถามว่า เหตุใดประธานอาเซียนถึงประสบความสำเร็จในการช่วยให้เกิดการเจรจาครั้งนี้ เขาบอกว่า เหตุผลเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ของอาเซียนมีการติดต่อกันเป็นประจำ และรู้จักกันดีในระดับบุคคล “เจ้าหน้าที่มาเลเซียที่ไม่ใช่ระดับรัฐมนตรี แต่เป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำงานประจำวัน น่าจะมีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ไทยและกัมพูชาอยู่แล้ว เข้าใจข้อกังวลของแต่ละฝ่าย และผมคิดว่านั่นคือเหตุผลที่ทำให้ไทยกับกัมพูชายอมรับให้มาเลเซียเข้ามากำกับดูแลการเจรจา และอาจถึงขั้นมีบทบาทนำ เช่น ในการส่งเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเข้าไปประจำการด้วย”

แหล่งที่มา www.bbc.com/thai/articles/c79ln31vx1lo

administrator

Related Articles

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *